Last updated: 20 มิ.ย. 2561 |
ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่จีรัง แม้แต่บริษัท General Electric ที่มีอายุกว่า 126 ปี ยังต้องโดนถอดออกจากดัชนี Dow Jones หรือ DJIA โดยจะมีผลในวันที่ 26 มิถุนายนนี้ (อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/taspong/walgreens-replacing-ge-on-the-dow/?ex_id=15) หลายคนอาจจะรู้ถึงความใหญ่ของ GE ว่าเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับแสนล้านดอลล่าร์ แต่อาจมีน้อยคนนักที่จะรู้ว่า GE นั้นก่อตั้งโดยนักประดิษฐ์ระดับตำนาน โทมัส เอดิสัน
ตำนานเริ่มต้นในปี 1889
เมื่อนึกถึงหลอดไฟ ชื่อของโทมัส เอดิสัน จะเป็นชื่อที่ลอยเข้ามาในหัวด้วยเสมอ ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีนั้น GE ก็เริ่มต้นด้วยธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ก่อนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์คในปี 1896 และกลายเป็น 1 ใน 12 บริษัทแรกที่ถูกเข้าคำนวณในดัชนี Dow Jones เรียกได้ว่าเกิดมาพร้อมกับดัชนีนี้เลยทีเดียว
ความใหญ่ระดับโลก
ในตอนแรก GE จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์จำนวน 10,000 หุ้น ที่ราคาหุ้นละ 100 เหรียญ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดอยู่ที่ 1 ล้านเหรียญ แต่ในช่วงปี 2000 ซึ่งตลาดหุ้นร้อนแรงสุดๆ ราคาหุ้น GE อยู่ที่ประมาณ 60 เหรียญ แต่จำนวนหุ้นจดทะเบียนนั้นอยู่ที่ 10,000 ล้านหุ้น นั่นเท่ากับว่า มูลค่าตลาดของหุ้น GE เคยสูงสุดถึง 600,000 ล้านเหรียญ หรือคิดเป็นเงินไทยกว่า 19.2 ล้านล้านบาท ในขณะที่มูลค่าตลาดของ SET index ในปัจจุบัน อยู่ที่ 16 ล้านล้านบาท เพียงแค่บริษัทเดียวก็ใหญ่กว่าหุ้นจดทะเบียนในไทยทั้งตลาดซะอีก
ราคาหุ้นของ GE ในปี 2000 ที่ราคาวิ่งไปถึง $60 และมีมูลค่าตลาดกว่า 6 แสนล้านเหรียญ
ในแง่ของรายได้ ปี 2008 คือปีที่ GE มีรายได้สูงสุด อยู่ที่ 183 พันล้านเหรียญ หรือคิดเป็นเงินไทย 5.8 ล้านล้านบาท และทำกำไรได้กว่า 18.1 พันล้านเหรียญ หรือคิดเป็นเงินไทย 5.8 แสนล้านบาท... แต่อย่างที่บอกไป นั่นคือข้อมูลของปี 2008
เสือสิ้นลาย
GE มีการขยายธุรกิจอีกมากนอกเหนือจากธุรกิจอุปกรณ์ไฟฟ้า แต่ยังมีทั้งธุรกิจการบิน บริษัทเงินทุน ธุรกิจสุขภาพ ธุรกิจน้ำมัน และอื่นๆ อีกมาก แต่ถึงแม้จะขยายธุรกิจออกไปมากขนาดไหน ความรุ่งโรจน์ย่อมมาพร้อมกับความร่วงโรย เพราะนับตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา รายได้ของ GE ก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง
รายได้และกำไรสุทธิของ GE ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2009 ข้อมูลจาก Jitta.com (คลิกที่รูปเพื่อขยาย)
จากบริษัทที่มีกำไรเป็นหมื่นล้าน กลับมีผลประกอบการติดลบ ซึ่งราคาหุ้นเองก็สะท้อนผลประกอบการที่แย่ลงอย่างเห็นได้ชัด ปัจจุบันราคาหุ้นอยู่ที่ประมาณ 12 เหรียญต่อหุ้น และมูลค่าตลาดประมาณ 1 แสนล้านเหรียญ ทั้งราคาหุ้นที่ลดลง แถมผลประกอบการของบริษัทยังขาดทุนอีก จึงทำให้ GE กำลังจะถูกออกจากดัชนี DowJones อย่างที่ทุกคนรู้ เป็นการปิดตำนานของบริษัทที่อยู่ในดัชนี DJIA มากว่าร้อยปี
เรื่องนี้บอกอะไร
สำหรับผมเอง บริษัท GE นับเป็นหนึ่งในบริษัทที่น่าทึ่งและมีเรื่องราวสุดแสนจะน่าสนใจ บริษัทถูกก่อตั้งโดยนักประดิษฐ์ชื่อก้องโลกเมื่อกว่าร้อยปีก่อน จดทะเบียนเข้าตลาดหุ้นนิวยอร์คเป็นบริษัทแรกๆ มูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นกว่า 600,000 เท่าในเวลาเพียงหนึ่งศตวรรษ พร้อมกับรายได้ที่มากกว่างบประมาณรายจ่ายประจำปีของประเทศไทยในปีล่าสุดเสียด้วย
กราฟเปรียบเทียบมูลค่าตลาดของหุ้น AAPL (เส้นสีเขียว) และหุ้น GE (เส้นสีดำ)
แต่ GE ก็ใช้เวลาเพียงแค่ 10 ปี เปลี่ยนจากบริษัทมีรายได้ กำไร และมูลค่าตลาดลำดับต้นๆ ของโลก กลายเป็นบริษัทที่ราคาหุ้นกำลังดิ่งลงเหว รายได้ลด และผลประกอบการขาดทุนหนักหลายพันล้านเหรียญ แถมยังถูกบริษัทที่ก่อตั้งมาไม่นานอย่าง Apple มีรายได้และมูลค่าตลาดแซงแบบไม่เห็นฝุ่น ซึ่งในปีล่าสุดนั้น Apple มีรายได้ซัดไปกว่า 2 แสนล้านเหรียญ
เห็นได้ชัดว่า ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่จีรัง แม้แต่บริษัทที่ก่อตั้งมาเป็นร้อยปีก็ตาม
พิเศษ แม้บริษัท GE จะไม่ได้เป็นสมาชิกของดาวโจนส์อีกต่อไปแล้ว แต่แค่คุณแอดไลน์ @investing.in.th ก็เป็นสมาชิกกับเราได้ตลอดไป และไม่มีวันถอดออกแน่นอน
INVESTING.in.th -- Happy Investing
แหล่งอ้างอิง
ประวัติบริษัท GE : https://en.wikipedia.org/wiki/General_Electric
งบการเงินย้อนหลัง GE : https://www.jitta.com/stock/nyse:ge/factsheet#_=_