Last updated: 4 ต.ค. 2561 |
จอห์น เนฟฟ์ คืออดีตผู้จัดการกองทุน Windsor ที่บริหารกองทุนตั้งแต่ช่วงปี 1964-1995 โดยผลตอบแทนของเขานั้นอยู่ที่ราวๆ 13% ต่อปี และความต่อเนื่องที่เขาทำได้ตลอดระยะเวลา 31 ปีติดต่อกัน จะทำให้เงินที่ลงทุนกับเขาเพิ่มมูลค่าได้ถึง 57 เท่า เนฟฟ์จึงได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในนักลงทุนที่มีฝีมืออันดับต้นๆ ของโลก
บทความที่เกี่ยวข้อง : จอห์น เนฟฟ์ นักลงทุนชาวสวนมือฉมัง กับผลตอบแทน 13% ติดต่อกัน 31 ปี
สิ่งที่ทำให้เขาโด่งดัง นอกเหนือจากผลตอบแทนที่เอาชนะตลาดได้แบบขาดลอยแล้วและหนังสือที่เขาเขียนแล้ว (หนังสือที่เขาเขียนชื่อลงทุนแบบ จอห์น เนฟฟ์) ยังเป็นเรื่องของวิธีการลงทุนที่เรียกว่า “สวนกระแส” จากนักลงทุนคนอื่นอย่างสุดขั้ว หุ้นตัวไหนก็ตามที่คนบอกว่าไม่ดี ถ้ามีต้องขายให้หมด แต่เขากลับซื้อมันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนเป็นที่มาของผลตอบแทนที่ทำเงินได้นับพันล้านเหรียญ
หนังสือลงทุนแบบ จอห์น เนฟฟ์ คลิกที่รูปเพื่อสั่งซื้อ
แล้วจะเลือกหุ้นแบบสวนกระแสอย่างที่เขาทำได้ยังไงล่ะ ?
ยิ่งลงเท่าไหร่ยิ่งดี
ไม่มีใครชอบหุ้นที่ราคาร่วงลงอย่างต่อเนื่อง เพราะยิ่งเข้าซื้อก็มีโอกาสขาดทุน แต่สำหรับเนฟฟ์เอง ราคาทุกช่องที่ร่วงลงย่อมหมายถึงค่า PE ที่ถูกลงด้วย และค่า PE ที่ถูกลง เปรียบเสมือนนายตลาดกำลังหยิบยื่นโอกาสในการซื้อหุ้นราคาถูกให้เราอยู่ หุ้นบางตัวที่เนฟฟ์เข้าลงทุน มีค่า PE เพียงแค่ 2.5 เท่าเท่านั้นเอง ทำให้เขาได้เข้าลงทุนในราคาที่ได้เปรียบคนอื่นอย่างมาก
มันมีปัญหา
ร้ายแรงแค่ไหน
ส่วนมากแล้ว หุ้นจะลงมาหนักๆ เกิน 50% ได้มักจะต้องมีปัญหาระดับมโหฬารจนอาจส่งผลต่อผลกำไรของบริษัทในอนาคตได้ หลายคนอาจขายหนีตาย แต่เนฟฟ์เองสนใจในหุ้นที่มีปัญหาใหญ่เหล่านี้ ภายใต้เงื่อนไขคือ บริษัทดังกล่าวจะต้องแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้เร็วที่สุด หรือหากเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้าย ก็จะต้องเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวและจบไปเท่านั้น
อย่างเช่นในช่วงวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์เมื่อปี 2008 เนฟฟ์ก็เข้าลงทุนในหุ้นหลายๆ ตัว ซึ่งช่วงเวลานั้น อย่างเช่นหุ้นของบริษัท Seagate STX (บริเวณวงกลมสีเหลืองคือจุดที่เขาเช้าซื้อ) มันก็มีหุ้นบางตัวที่ผลประกอบการขาดทุนเพราะวิกฤตเศรษฐกิจ แต่เขามองว่ามันเป็นเพียงเรื่องชั่วคราวเท่านั้น ท้ายที่สุดแล้ว ผลประกอบการจะต้องกลับมาปกติ แล้วราคาหุ้นจะกลับไปอย่างที่มันควรเป็น
เป็นธุรกิจ
ที่แข็งแกร่ง
โดยปกติแล้ว หุ้นของธุรกิจที่แข็งแกร่ง หรือมีความสามารถในการเติบโตที่สูง มักจะซื้อขายกันด้วยอัตราส่วน PE ที่สูง (ง่ายๆ คือหุ้นแพง) แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่างจนทำให้ราคาหุ้นลงหนัก มันก็จะเป็นโอกาสเข้าลงทุนที่ดีมาก เพราะเหตุการณ์เลวร้ายเพียงครั้งคราวมักจะไม่ได้ส่งผลต่อศักยภาพของบริษัทนานมากนัก
ดังนั้น เนฟฟ์จะซื้อหุ้นสวนกระแสเฉพาะธุรกิจที่แข็งแกร่งเท่านั้น หุ้นตัวไหนที่มีคนบอกว่ามันไม่ดี มีแต่คนเทขาย แถมยังเป็นธุรกิจที่ไม่ดีอีก เขาก็จะไม่ให้ความสนใจ จริงอยู่ที่อาจได้ของราคาถูก แต่มันก็ไม่ใช่ของที่มีคุณภาพดีเลย
เป็นชาวสวน
ให้ถูกเวลา
โดยสรุปแล้ว เนฟฟ์จะเป็นชาวสวนตัวพ่อเฉพาะกรณีที่ ราคาลงหนัก มีเหตุการณ์ร้านแรงบางอย่างที่เป็นเพียงเรื่องชั่วคราว และต้องเป็นหุ้นของกิจการที่แข็งแกร่งเท่านั้น ไม่ใช่ว่าจะเข้าซื้อหุ้นทุกตัวที่คนบอกว่าไม่ดี ไม่เช่นนั้นแล้ว จากชาวสวนมือฉมัง อาจจะเปลอรับมีดบ่อยจนเป็นชาวสวนมือกุดเลยก็ได้
ติดตามความรู้เพิ่มเติมได้ที่ FACEBOOK, LINE, WEBSITE
INVESTING.in.th — Happy Investing
แหล่งอ้างอิง
Neff goes bargain hunting : https://money.cnn.com/2009/01/02/magazines/fortune/levenson_neff.fortune/
ลงทุนแบบ จอห์น เนฟฟ์ : https://www.investing.in.th/product/64133/ลงทุนแบบ-จอห์น-เนฟฟ์
13 พ.ย. 2563
14 ส.ค. 2561
13 พ.ย. 2563