Last updated: 2018-11-14 |
วิกฤตคือสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิด
เพราะมันหมายถึงสิ่งที่นักลงทุนไม่อาจสามารถคาดการณ์ได้ หรืออาจจะคาดการณ์ได้ แต่ก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามันจะรุนแรงขนาดไหน และทุกครั้งที่เกิด มันมักจะทำให้ใครหลายๆ คนต้องเจ็บหนักหรือถึงขั้นล้มละลาย อย่างเช่นตอนวิกฤตต้มยำกุ้ง หรือวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์
แต่ทุกครั้งที่เกิดวิกฤต เรามักได้ยินข่าวคราวของนักลงทุนบางคนที่สามารถทำเงินได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ นักลงทุนไทยอาจรู้จัก ดร.นิเวศน์ ที่กล้าเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นหลังจากผ่านพ้นปี 40 ไปได้ไม่นาน หรือนักลงทุนระดับโลกอย่าง จอห์น เนฟฟ์ ที่กล้าเข้าซื้อหุ้นของ Seagate STX เมื่อปี 2008 ก่อนที่จะทำเงินได้ประมาณ 5 เด้งในเวลาเพียงปีกว่าๆ
หนังสือที่เกี่ยวข้อง : ลงทุนแบบ จอห์น เนฟฟ์, หนังสือของดร.นิเวศน์ทั้งหมด
แต่ยังมีอีกคนหนึ่งที่เราอาจไม่คุ้นหูนัก เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่สามารถทำเงินได้ท่ามกลางวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ และเพิ่งจะทำเงินได้อีก 1 พันล้านเหรียญในวันเดียวเมื่อปี 2015 ที่ผ่านมา
ผู้ที่เป็นทั้งที่รักและที่ชังของนักลงทุนทั่วโลก นาซิม นิโคลัส ทาเล็บ
ผู้ชนะท่ามกลาง
ความพ่ายแพ้
Nasim Nicholas Taleb เป็นทั้งเทรดเดอร์ อาจารย์ในมหาวิทยาลัยหลายๆ แห่ง นักสถิติ รวมถึงเป็นนักเขียน (ผลงานเขียนของเขาเคยแปลมาเป็นภาษาไทยชื่อ เก่งเทียมฟ้าหรือว่าโชค ชื่อเดิมคือ Fooled by Randomness) สิ่งที่ทำให้เขาโด่งดังก็คือ กลยุทธ์ที่เน้นการทำเงินจากเหตุการณ์เลวร้ายที่ไม่มีใครคิดว่าจะเกิด หรือ Black Swan นั่นเอง (ความเชื่อที่ว่าหงส์ทุกตัวเป็นสีขาว จะถูกหักล้างได้เพียงแค่เจอหงส์ดำเพียงตัวเดียว)
โดยช่วงเวลาที่เขาสามารถทำผลตอบแทนได้อย่างเป็นกอบเป็นกำมีดังนี้
กราฟดัชนี Dowjones รายวัน บริเวณเส้นสีฟ้าคือช่วงที่ดัชนีร่วงลงกว่า 1,000 จุด
ทั้งรักทั้งเกลียด
จากฝีมือของเขา เราคงเดาได้ไม่ยากว่านักลงทุนหลายๆ คนอาจไม่ชอบเสียเท่าไหร่ เพราะก่อนที่จะเกิดวิกฤต คุณทาเล็บมักจะออกมาให้ความเห็นในเชิงเตือนให้ระวังต่อสิ่งวิกฤตที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งโดยมากแล้ว ความเห็นของเขามักจะถูกต้อง ใครกันล่ะจะอยากให้สิ่งที่เขาทำนายนั้นเกิดขึ้นจริง ?
ข่าวดีก็คือ คุณทาเล็บเพิ่งจะออกมาเตือนถึงวิกฤตครั้งใหม่เมื่อเดือนที่แล้วนี้เอง (สามารถอ่านข่าวเต็มได้ที่นี่)
ไม่ใช่จะถูกต้อง
ตลอดเวลา
ถึงแม้จะเก่งขนาดนี้ แต่กองทุนของทาเล็บก็มีทั้งช่วงเวลาที่ดีและแย่ เนื่องจากกลยุทธ์ของเขาเน้นการทำเงินจากเหตุการณ์พิเศษต่างๆ ดังนั้นในช่วงที่ทุกอย่างเป็นปกติ ผลตอบแทนของเขาก็ไม่ได้ดีเด่นไปกว่าการซื้อกองทุนดัชนีเท่าใดนัก หรืออาจจะแย่กว่าด้วยซ้ำ
อย่างกองทุน Empirica Capital ที่แม้จะทำเงินได้กว่า 60% จากวิกฤตดอทคอม แต่พอถึงปี 2001 และ 2002 กลับมีผลตอบแทนที่เป็นลบ
หรือกองทุน Universa Investment ที่แม้จะทำผลตอบแทนได้จากทั้งวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์และวิกฤตย่อมๆ ในปี 2015 ก็ยังมีผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีที่ประมาณ 12.3% เนื่องจากเงินของกองทุนส่วนใหญ่จะถูกแบ่งไปลงในดัชนี S&P 500 ด้วย เพราะช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์พิเศษนั้นมีไม่บ่อยนัก อีกทั้งเพื่อไม่ให้ความเสี่ยงของกองทุนนั้นสูงเกินไปด้วย
เตรียมพร้อม
กับสิ่งเลวร้าย
กลยุทธ์ของคุณทาเล็บอาจเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลานานกว่ามันจะเกิดขึ้น แต่อย่างที่กล่าวไปแล้ว ความเชื่อว่าหงส์ทุกตัวเป็นสีขาวนั้นจะถูกหักล้างได้ง่ายมากเพียงแค่เจอหงส์สีดำเพียงตัวเดียว เฉกเช่นวิกฤตเศรษฐกิจ คนหลายๆ คนอาจปฏิเสธว่ามันไม่มีทางเกิดขึ้นแบบเดิม แต่ขอเพียงแค่เกิดขึ้นสักครั้ง มันก็ล้มล้างสิ่งที่เคยเชื่อมาทั้งหมดได้
และทุกครั้งที่เกิดเรื่องไม่คาดฝัน ท่ามกลางเสียงโอดครวญของคนที่ต้องเจ็บปวดเพราะไม่ได้เตรียมพร้อม คนอย่างนาซิม นิโคลัส ทาเล็บ ก็จะสามารถทำเงินได้อีกครั้งแล้วครั้งเล่า
ติดตามความรู้เพิ่มเติมได้ที่ FACEBOOK, LINE, WEBSITE
INVESTING.in.th — Happy Investing
ร้านหนังสือของนักลงทุน
แหล่งอ้างอิง
เทคนิคอล อนาไลซิส : www.investing.in.th/product/64838/เทคนิคอล-อนาไลซิส
How A Fund Betting On "The End Of The World" Outperformed The S&P500 : https://www.zerohedge.com/news/2018-09-22/how-fund-betting-end-world-outperformed-sp500
Nassim Taleb's Black Swan Fund: Failed Strategy : https://www.tavakolistructuredfinance.com/2009/06/talebs-stranded-swan/
Aug 14, 2018
Nov 13, 2020
Nov 13, 2020