Last updated: 27 ต.ค. 2563 |
วอเร็น บัฟเฟตต์ กับการวิเคราะห์หุ้นในแบบนักธุรกิจ
เมื่อบัฟเฟตต์ลงทุน เขาจะมองว่าหุ้นเป็นเหมือนกับธุรกิจหนึ่ง เมื่อเขามองหุ้น เขาจะมองข้ามผ่านราคาหุ้นอย่างรวดเร็วและเริ่มวิเคราะห์คุณลักษณะของธุรกิจทีละเรื่อง
เขาจะชั่งน้ำหนักในด้านของหลักการทางธุรกิจ หลักการด้านการจัดการ และหลักการทางด้านการเงินที่เป็นหัวใจของการวิเคราะห์การลงทุนของเขา จากนั้นเขาจะคำนวณว่ากิจการนั้นมีค่าเท่าไร เสร็จแล้วเขาถึงจะมองที่ราคาหุ้น
นักลงทุนอื่นส่วนมากจะมองแต่ราคาหุ้น พวกเขาใช้เวลาและความพยายามมากเกินไปในการจ้องมอง คาดการณ์ และคาดหวังการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้น และใช้เวลาน้อยเกินไปในการทำความเข้าใจตัวธุรกิจ
และแม้ว่านักลงทุนจะพยายามคำนวณมูลค่าของหุ้น พวกเขาก็จะใช้องค์ประกอบเดียว เช่น อัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น มูลค่าทางบัญชี และผลตอบแทนปันผลเป็นหลัก
แต่มาตรวัดง่ายๆ แบบนี้ก็อย่างที่เราเห็น ไม่สามารถบอกอะไรเกี่ยวกับมูลค่าของบริษัทได้
ผมเชื่อว่านี่เป็นความแตกต่างสำคัญที่ช่วยอธิบายถึงความสำเร็จในการลงทุนของบัฟเฟตต์ คนส่วนใหญ่มองเฉพาะองค์ประกอบของราคาหุ้น บัฟเฟตต์วิเคราะห์เฉพาะองค์ประกอบธุรกิจ
การมีส่วนผสมของประสบการณ์ทางธุรกิจที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของบัฟเฟตต์ ทำให้เขามีความได้เปรียบแยกเขาออกจากนักลงทุนอื่นๆ
เขามีประสบการณ์โดยตรงในการเป็นเจ้าของและบริหารธุรกิจหลากหลาย ในขณะเดียวกับที่เขาลงทุนในหุ้น เขามีประสบการณ์ทั้งด้านของความสำเร็จและความล้มเหลวในธุรกิจของเขา และเขาได้ใช้บทเรียนเหล่านั้นในตลาดหุ้น
นักลงทุนมืออาชีพอื่นๆ ไม่ได้รับการศึกษาแบบนั้น ในขณะที่พวกเขากำลังยุ่งอยู่กับการเรียนรู้สูตรการคำนวณราคาหลักทรัพย์ ค่าเบต้า และทฤษฏี การลงทุนแบบพอร์ตโฟลิโอสมัยใหม่ บัฟเฟตต์ศึกษางบกำไรขาดทุน งบดุล เม็ด เงินที่ต้องใช้ในการที่จะต้องลงทุนเพิ่ม และความสามารถในการสร้างเงินสดของบริษัท
ประสบการณ์โดยตรงแบบนั้นจะเกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้งได้ก็เฉพาะจากการกระทำนั้น ก็อย่างที่บัฟเฟตต์เคยพูด “คุณสามารถอธิบายกับปลาได้ไหมว่าคุณรู้สึกอย่างไรเวลาเดินบนพื้นดิน วันเดียวบนพื้นดินมีค่ามากกว่า 1,000 ปีในการอธิบายเกี่ยวกับมัน และหนึ่งวันในการบริหารกิจการก็มีค่าแบบเดียวกัน”
การเป็นเจ้าของและบริหารธุรกิจได้ทำให้บัฟเฟตต์มีข้อได้เปรียบที่ชัดเจน แต่ผมไม่ได้แนะนำว่าการที่จะประสบความสำเร็จในการใช้หลักการของ วอเร็น บัฟเฟตต์ นั้นคุณต้องบริหารกิจการก่อน
สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนักลงทุนทุกคนไม่ว่าเขาจะเคยบริหารธุรกิจมาก่อนหรือไม่ก็คือ การคิดเกี่ยวกับหุ้นเสมือนหนึ่งว่าเขากำลังจะต้องบริหารตัวกิจการนั้นจริงๆ
บัฟเฟตต์เชื่อว่านักลงทุนและนักธุรกิจควรดูบริษัทแบบเดียวกัน เพราะทั้งคู่ต่างก็ต้องการสิ่งที่จริงๆ แล้วเหมือนกัน นักธุรกิจต้องการซื้อทั้งบริษัทแต่นักลงทุนต้องการซื้อบางส่วนของบริษัท
ถ้าคุณถามนักธุรกิจว่าเขาคิดอย่างไรในการที่จะซื้อบริษัท คำตอบที่ได้ยินบ่อยมากที่สุดก็คือ "ธุรกิจสามารถทำเงินสดได้เท่าไร" ทฤษฏีทางการเงินบอกว่า เมื่อเวลาผ่านไปยาวพอ มันมีความสำพันธ์โดยตรงระหว่างมูลค่าของบริษัทกับความสามารถในการสร้างเงินสดของมัน
ดังนั้นโดยทางทฤษฏี นักธุรกิจกับนักลงทุนจึงควรมองที่ตัวแปรแบบเดียวกัน
บัฟเฟตต์พูดว่า "ในมุมมองของเรา นักศึกษาการลงทุนต้องการวิชาที่สอนกันอย่างดีแค่ 2 วิชาก็คือ วิธีคิดมูลค่าของธุรกิจและวิธีคิดเกี่ยวกับราคาหุ้นในตลาด"
ก้าวแรกที่จำเป็นสำหรับใครก็ตามที่ต้องการเลียนแบบแนวทางของ วอเร็น บัฟเฟตต์ ก็คือการคิดเกี่ยวกับหุ้นในฐานะที่เป็นธุรกิจ
บัฟเฟตต์เคยพูดไว้ว่า "เมื่อไรก็ตามที่ชาร์ลีและผมซื้อหุ้นสำหรับเบิร์กไชร์ เราพิจารณาธุรกรรมนั้นเสมือนว่าเรากำลังซื้อธุรกิจเอกชนนอกตลาด เราดูที่ศักย์ภาพทางธุรกิจของกิจการ คนที่รับผิดชอบในการบริหารมัน และราคาที่เราต้องจ่าย"
จากหนังสือ แก่นแท้ของบัฟเฟตต์
สั่งซื้อหนังสือ ถอดรหัสการลงทุนบัฟเฟตต์
ประเมินธูรกิจแบบนักลงทุนเอกของโลก
"แก่นแท้ของบัฟเฟตต์"
ได้ที่ http://bit.ly/2Mjat6I
สั่งซื้อหนังสือเล่มอื่นเพิ่มเติมได้ที่
www.INVESTING.in.th
ร้านหนังสือของนักลงทุน
31 ม.ค. 2566
28 ม.ค. 2566
27 ม.ค. 2566