Last updated: 28 ต.ค. 2563 |
ความฉิบหายของการ "ลาออกมาเล่นหุ้น" ที่ไม่มีใครเคยบอกคุณ
โดย Marty Schwartz แชมป์เดย์เทรดที่ทำกำไรได้ 100% ต่อปี
มาร์ตี้ ชวาทซ์ คือหนึ่งใน full time trader ที่ใช้กลยุทธ์เดย์เทรดจนสามารถทำเงินได้กว่า 100% ต่อปี
ในช่วงหลังนี้ นักลงทุนหลายๆ คนอาจรู้จักเขามากขึ้น ทั้งในฐานะของผู้สร้างผลตอบแทนระดับตำนาน และในฐานะของผู้เขียนหนังสือ "Pit Bull ตามติดชีวิตโคตรแชมป์เดย์เทรด"
แน่นอนว่า การเป็น full time trader เฉกเช่นเขาคือสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝันหา เพราะมันหมายถึงการมีอิสระ ไม่ต้องทนทรมานกับการทำงานเช้าเย็นต่อไป เพราะอยู่ที่ไหนก็ทำเงินได้
แต่จะมีสักกี่คนกัน ที่บอกเล่าถึงความฉิบหายของการลาออกมาเล่นหุ้น ว่ามันต้อง "จ่าย" ด้วยอะไรบ้าง
ครั้งหนึ่ง คุณมาร์ตี้ก็เคยใช้ชีวิตเหมือนมนุษย์ธรรมดา เขาเคยทำงานเป็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์มาก่อนที่จะเล่นหุ้นถึงสิบปี และยังเป็นนักวิเคราะห์สายปัจจัยพื้นฐาน ที่ขยันอ่านงบการเงินและสำรวจกิจการสุดๆ
ในช่วงนั้นเขาเองก็ลงทุนอยู่ด้วย เพียงแต่ผลตอบแทนจากการลงทุนไม่ได้โดดเด่นนัก เขาจึงตัดสินใจว่ามันถึงเวลาแล้วที่จะต้องลงทุนอย่างจริงจังเสียที จึงแบ่งเงินเก็บส่วนหนึ่งมาเพื่อลอง "ซื้อขายรายวัน" ว่าจะเอาตัวรอดได้ไหม
แม้การเดย์เทรดจะค่อนข้าง contrast จากความเป็นนักวิเคราะห์สายปัจจัยพื้นฐานของเขาพอสมควร แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าเขาทำได้ เงินทุนของเขาค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่สุดแล้ว คุณมาร์ตี้ก็ลาออกจากงานมาเล่นหุ้นเต็มตัว
แต่อนิจจา โลกนี้ไม่ได้มีอะไรง่ายอย่างที่คิด เพราะหลังจากนั้นแปปเดียวเขาก็ขาดทุนเป็นเงินหลายหมื่นเหรียญ
เมื่อเขาขาดทุนหนัก สิ่งแรกที่เขาตระหนักได้แทบจะทันทีก็คือ การเป็นเทรดเดอร์ตามเวลานั้นไม่ง่ายเลย
เพราะตอนที่เขายังทำงานประจำอยู่ อย่างน้อยการมีรายรับเข้ามาสม่ำเสมอ ก็เปรียบได้กับ "หลักประกัน" ว่าพรุ่งนี้จะมีกินมีใช้ ต่างกับการเป็นเทรดเดอร์เต็มตัว ที่ผลการเทรดแต่ละวันอาจส่งผลต่อชีวิตประจำวันได้เลย
แต่โชคยังดี ที่คุณมาร์ตี้สามารถเรียนรู้ความผิดพลาดของตัวเองได้เร็ว ด้วยการปรับกลยุทธ์ขายทำกำไรรวมถึงการป้องกันความเสี่ยงให้ต่ำ จึงทำให้เขาสามารถเทรดจนเลี้ยงชีพตัวเองได้ในที่สุด และสร้างผลตอบแทนได้อย่างน่าอัศจรรย์กว่า 100% ต่อปี
จนทำให้เงินทุนเริ่มต้นของเขาจากหลักหมื่นเหรียญ กลายเป็นหลักสิบล้านเหรียญในเวลาราวๆ 10 ปีเท่านั้น
เรื่องราวจะดูสวยงามกว่านี้มากถ้ามันจบลงเพียงเท่านี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาก็คือ แม้เขาจะทำเงินได้มากมาย คุณมาร์ตี้กลับต้องหยุดเทรดไปเพราะปัญหาสุขภาพ
เรื่องของเรื่องก็คือ ด้วยความที่เขาต้องเทรดทุกวันและทำการบ้านในแต่ละวันอย่างหนัก ไหนจะดูกราฟหุ้น อ่านข่าว วิเคราะห์เศรษฐกิจ สิ่งหนึ่งที่สะสมเพิ่มขึ้นนอกจากมูลค่าเงินในบัญชีของเขา มันก็คือ "ความเครียด"
และความเครียดนี้เอง ทำให้มีอยู่วันหนึ่งเขาถึงกับทรุดลงกับพื้นด้วยอาการเจ็บหน้าอกอย่างรุนแรง ก่อนที่จะต้องเข้ารับการผ่าตัดอย่างด่วนเพราะเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ มันร้ายแรงถึงขนาดทำให้เขาเกือบเสียชีวิต
หลังจากนั้นมา คุณมาร์ตี้จึงผ่อนการเทรดของตัวเองลง ไม่เทรดหนักหรือบ่อยเหมือนเคย เป็นการปิดฉากตำนานเทรดเดอร์ผู้ทำเงินได้ 100% ต่อปีโดยสมบูรณ์
ทุกวันนี้ แทบจะไม่มีใครได้ยินข่าวคราวของเขาอีก สิ่งที่เรารู้ล่าสุดจากในหนังสือที่เขาเขียนก็คือ เขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับภรรยาและลูกๆ รวมถึงไปเที่ยวสนามแข่งม้าเพื่อดูม้าตัวโปรด ปล่อยให้ตำนานแห่งเทพเทรดเดอร์กลายเป็นเรื่องเล่าขานของคนทั่วไปเท่านั้น
แต่สิ่งหนึ่งที่เราน่าจะสังเกตได้ชัดเจนจากเรื่องราวของเขาก็คือ การเป็น full time trader นั้นไม่ง่าย
อย่างตอนแรกที่คุณมาร์ตี้ทดลองเทรดด้วยเงินจำนวนเล็กๆ ระหว่างที่ทำงานประจำควบคู่ไปด้วย เขาก็ยังทำผลตอบแทนได้ดีอยู่ แต่เมื่อเขาลาออกจากงานมาเทรดเต็มตัว กลายเป็นว่าผลลัพธ์ดันแย่ลงซะอย่างนั้น
ปัจจัยสำคัญคือ ตอนที่เขาทำงานประจำไปด้วย ยังไงเสียมันก็ไม่ได้กดดันเท่ากับตอนที่เขาลาออกจากงานมาเล่นหุ้นเต็มตัวอยู่แล้ว
ลองนึกดูเล่นๆ ว่า การทำงานไปด้วย หรือทำธุรกิจอื่นไปด้วย อย่างน้อยก็ยังมีเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง แต่ถ้าเป็นเทรดเดอร์เต็มตัว ขาดทุนหนักๆ เพียงแค่ไม่กี่ครั้งอาจหมายถึงบ้านทั้งหลังที่หายไปก็ได้
จะมีสักกี่คนกันที่คิดถึงเรื่องแบบนี้ก่อนลาออกมาเล่นหุ้น มีสักกี่คนกันที่คิดเผื่อว่ามันมีโอกาสพลาด
และอีกเรื่องที่หลายคนน่าจะมองข้ามยิ่งกว่า นั่นคือปัญหาความเครียดสะสม
สมมติเราลาออกมาเล่นหุ้นจนสามารถทำกำไรได้ อยู่รอดได้ เลี้ยงตัวเองได้ คำถามคือ มันคุ้มค่าแค่ไหนกับการเวลาและสุขภาพที่ต้อง "จ่าย" ให้กับการเทรด เพราะแม้จะทำเงินได้มากมาย แต่สุดท้ายสุขภาพพังยับ มันคุ้มค่าแค่ไหนกับเงินทองมากมายที่ได้มา
เหมือนอย่างกรณีของคุณมาร์ตี้ เขาทำเงินได้ถึงราวสิบล้านเหรียญ แต่ชีวิตก็เกือบถูกทำลายเพราะความเครียดที่มาจากการเทรด
เขาถึงกับเล่าว่า วินาทีที่เขากำลังจะตาย น้ำตาที่ไหลออกมาของเขาไม่ได้เป็นเพราะเขาคิดถึงการเทรด แต่เป็นเพราะพยาบาลกำลังถอดแหวนแต่งงานของเขาที่สวมมาตลอดหลายปี เทรดพลาดยังแก้ได้ แต่สุขภาพที่พลาดไปแล้วอาจจะแก้ยากยิ่งกว่า
มีกี่คนกันที่คิดถึงจุดนี้ คนที่จะลาออกมาเล่นหุ้นมีกี่คนกันที่คำนึงถึง "ราคาที่ต้องจ่าย" ในการได้มาซึ่งการเป็นสุดยอด full time trader
อย่างไรก็ตาม ผมไม่ได้บอกว่าการจะลาออกมาเล่นหุ้นคือสิ่งที่ผิด เพราะคนที่ทำแบบนี้แล้วประสบความสำเร็จก็มี ทั้งจากฝีมือ การเตรียมตัว และความพยายามอันยิ่งยวดกว่าคนปกติ
อย่างคุณมาร์ตี้ เขาเองก็มีแผนสำรองตอนลาออกมาเล่นหุ้นเหมือนกันครับ ว่าถ้าเขาต้องพลาดพลั้งจากการเทรดจริงๆ เขาก็สามารถกลับไปทำงานเป็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ได้
แต่คำถามคือ พอเวลาที่เราได้ยินเรื่องราวของคนสำเร็จจากตลาดหุ้นซะจนอยากจะลาออกมาเล่นหุ้นให้รู้แล้วรู้รอด เราได้เตรียมตัวมาดีพอหรือยัง ทั้งเรื่องของเงินเก็บ ความรู้ ทักษะ ฝีมือ ความพยายาม และความเครียดที่ต้องจ่ายให้กับมัน
เพราะสุดท้าย การเป็น full time trader ที่ประสบความสำเร็จ มันก็เข้าทำนอง "คนตายไม่ได้พูด" จริงอยู่ว่ามีคนสำเร็จ แต่คนที่ตายไปอีกเป็นร้อยเป็นพันล่ะ? คนกลุ่มนี้เขาไม่ได้มีโอกาสออกมาเล่าหรอก
และเราจะเป็นหนึ่งในศพที่อยู่ในสุสานของเทรดเดอร์ผู้พ่ายแพ้เช่นกันหากไร้ซึ่งการคิดอย่างรอบคอบ
ตลาดหุ้น เป็นสถานที่พลิกชีวิตของหลายคนให้รุ่งโรจน์ แต่ก็พลิกชีวิตของหลายคนให้รุ่งริ่งจนฉิบหายมากกว่านั้นอีกหลายเท่าตัว เพียงแต่ไม่มีใครออกมาเล่าถึงความโหดร้ายของมันก็เท่านั้นเอง
สั่งซื้อหนังสือ
มหากาพย์ชีวิตของเทรดเดอร์ที่ทำผลตอบแทนได้ 100% ต่อปี
“Pit Bull”
ตามติดชีวิตโคตรแชมป์เดย์เทรด
สั่งซื้อได้ที่ http://bit.ly/2rOqcpe
สั่งซื้อหนังสือเล่มอื่นเพิ่มเติมได้ที่
www.INVESTING.in.th
ร้านหนังสือของนักลงทุน
27 ม.ค. 2566
28 ม.ค. 2566
31 ม.ค. 2566